Your cart is currently empty!

69 views
แป้งสาลี คือแป้งที่ใช้ทำขนมอบ แต่มันคือแป้งแบบไหน ทำไมขนมอบต้องใช้แป้งสาลี แป้งสาลีมีกี่ชนิด แตกต่างกันอย่างไรและมีหลักการเลือกใช้อย่างไร
Wheat flour in baking: the basic for the beginner แป้งสาลีน่ารู้สำหรับมือใหม่หัดอบ
แป้งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำขนมอบ หน้าที่หลักคือเป็นโครงสร้างทำให้ขนมคงรูปร่างและเซ็ทตัวหลังอบ เป็นตัวกำหนดลักษณะเนื้อขนมว่าจะนุ่ม แน่นหรือเหนียวและมีผลต่อรสชาติขนมด้วย แต่แป้งมีหลายชนิด
แป้งเค้ก แป้งอเนกประสงค์ แป้งขนมปัง แป้งโฮลวีท
แป้งโปรตีนสูง แป้งโปรตีนต่ำ แป้งโปรตีนปานกลาง
แป้งญี่ปุ่น แป้งเกาหลี แป้งฝรั่งเศส แป้งออสเตรเลีย แป้งอิตาลี มีหลายยี่ห้อให้อีกนะ
แป้งเหล่านี้เหมือนหรือต่างกันยังไง เราจะเลือกใช้แป้งยังไงให้เหมาะสม มาหาคำตอบกันบล็อกนี้ค่ะ
ขนมอบใช้แป้งสาลีเป็นหลัก
หนึ่งในหลายสิ่งที่มือใหม่ไม่รู้คือ แป้งที่เราใช้ทำขนมอบเกือบทั้งหมดเป็นแป้งสาลี ไม่ว่าจะเป็นแป้งเค้ก แป้งอเนกประสงค์ แป้งขนมปัง แป้งโฮลวีท แป้งโปรตีนสูง แป้งโปรตีนปานกลาง แป้งโปรตีนต่ำ ไม่ว่าจะผลิตภายในประเทศหรือนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะยี่ห้ออะไร เป็นที่เข้าใจกันในระดับสากลว่า คำว่า “แป้ง” หรือ flour ในสูตรขนมอบหมายถึง แป้งสาลี (wheat flour) นอกจากระบุว่าเป็นแป้งชนิดอื่น
แป้งสาลีมีหลายชนิดเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย การจำยี่ห้อแป้งช่วยให้มือใหม่เลือกใช้ได้ง่ายขึ้น เช่น แป้งบัวแดงใช้ทำเค้ก แป้งตราว่าวใช้ทำคุ้กกี้ แต่ปัญหาคือ แป้งไม่ได้มียี่ห้อเดียว เมื่อมีหลายยี่ห้อ หรือไม่มียี่ห้อที่เคยใช้หลายคนงง หรือหลายคนอยู่ในวงการนานขึ้นแล้วขยับไปทำขนมในระดับแอดวานซ์โดยเฉพาะขนมปังซึ่งต้องมีเข้าใจกับการใช้แป้งมากขึ้น การเลือกใช้แป้งอย่างเข้าใจจึงเป็นพื้นฐานสำคัญของเบเกอร์ทุกระดับ
ทำไมขนมอบใช้แป้งสาลี
เคยสงสัยกันไหมคะว่าในโลกนี้มีแป้งที่ใช้ทำขนมหลายชนิด เช่น แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวโพด แป้งมันสำปะหลัง แต่ทำไมขนมอบจึงใช้แป้งสาลี
เหตุผลสำคัญคือ เพราะแป้งสาลีมีโปรตีนที่จะเกิดเป็น “กลูเตน” ได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับแป้งชนิดอื่น กลูเตนมีบทบาทสำคัญอย่างมากในขนมอบ เช่น ทำให้ส่วนผสมเกาะตัวกัน ช่วยเก็บฟองอากาศ ทำให้ส่วนผสมมีความยืดหยุ่นขึ้นรูปเป็นรูปร่างในขนมปัง และช่วยให้ขนมขึ้นฟู เป็นต้น แป้งไรย์ แป้งข้าวบาร์เลย์ มีโปรตีนที่จะเกิดกลูเตนได้แต่ปริมาณไม่มากพอ ในขณะที่แป้งหลายชนิดไม่มีกลูเตนเลยเช่น แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวโพด แป้งมันสำปะหลัง จึงไม่เหมาะใช้เป็นวัตถุดิบในการทำขนมอบ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลูเตนอ่านได้ ที่นี่
แป้งสาลี & ข้าวสาลี
แป้งสาลี เป็นแป้งที่ได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวสาลี
ข้าวสาลี (wheat) เป็นธัญพืชตระกูลหญ้าคล้ายกับต้นข้าวบ้านเรา แต่มีลักษณะกอ การออกรวง และเมล็ดแตกต่างออกไป เติบโตได้ดีในสภาพอากาศหนาวเย็น เพาะปลูกในหลายประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรป อเมริกาเหนือ เอเชียกลาง และตะวันออกกลาง นิยมนำไปสีและบดหรือโม่ให้เป็นแป้งก่อนนำไปผลิตอาหาร เช่น บะหมี่ ขนมปัง เค้ก และขนมอบอื่นๆ ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวสาลีน้อยมาก ส่วนใหญ่อยู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนแต่ยังมีปัญหาเรื่องคุณภาพและปริมาณ แป้งสาลีที่ใช้ภายในประเทศส่วนใหญ่นำเข้าทั้งในรูปแบบเมล็ดข้าวสาลีเพื่อแปรรูปและแป้งสำเร็จรูป
ข้าวสาลีชนิดแข็ง (hard wheat) & ข้าวสาลีชนิดอ่อน (soft wheat)
ข้าวสาลีเพาะปลูกในหลายประเทศและมีหลายสายพันธุ์: หากนับรวมทั่วโลกอาจมีมากกว่า 30,000 ชนิด แต่สามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ตามลักษณะของเมล็ดข้าวและปริมาณโปรตีน ได้แก่
แป้งโปรตีนปานกลางเป็นการผสมข้าวสาลีชนิดแข็งและชนิดอ่อนในสัดส่วนที่เหมาะสม

ต้นข้าวสาลี credit kallerna

รวงและเมล็ดข้าวสาลี
การผลิตแป้งสาลีสมัยใหม่
การผลิตแป้งสาลีระดับอุตสาหกรรมมีหลายขั้นตอน เริ่มตั้งแต่เก็บเกี่ยว ส่งโรงงานจนถึงบรรจุเตรียมส่งขาย แต่ละโรงงานมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันไป แต่ขอสรุปอย่างย่อแบบมองภาพใหญ่เพื่อให้เข้าในง่ายโดยเริ่มเมื่อเมล็ดข้าวสาลีที่สีเปลือกออกแล้วมาถึงโรงงาน มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

ไซโลสำหรับเก็บข้าวสาลี credit ภาพจาก wikipedia
เนื้อเมล็ดข้าวสาลี (Endosperm) เป็นส่วนเนื้อแป้งหลัก มีคาร์โบไฮเดรตปริมาณสูงและมีโปรตีนที่จะเกิดกลูเตน ส่วนนี้เป็นประกอบหลักของเมล็ดข้าวสาลีคือประมาณ 83% ของเมล็ด
รำข้าว (Bran) คือเยื่อสีน้ำตาลที่หุ้มเมล็ดข้าวสาลีไว้ เป็นส่วนที่มีกากไย (fiber)สูงและมีแร่ธาตุต่างๆ เช่น calcium โปแตสเซียม และแร่ธาตุหลายชนิดนอกจากนี้ยังมีปริมาณโปรตีนอยู่จำนวนน้อยๆ แต่ไม่ใช่โปรตีนที่จะเกิดกลูเตน มีขนาดใหญ่และถูกร่อนและกรองออก แล้วนำกลับมาผลิตแป้งโฮลวีทและขายแยกเพื่อผลิตอาหารสัตว์ ส่วนนี้ในแป้งที่ทำให้เกิดเถ้าเมื่อนำแป้งไปเผา หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ash content หรือ mineral content
จมูกข้าว (Germ) เป็นส่วนที่ต้นอ่อนเมล็ดข้าวสาลีจะงออกออกมา มีสารอาหารมากมายรวมทั้งไขมันและแร่ธาตุต่างๆ ถูกร่อนและแยกออกจากส่วนแรกเช่นเดียวกับรำ ใช้ผลิตแป้งโฮลวีทและแยกไปขายเพื่อผลิตอาหารเสริม


รำข้าวสาลี เครดิต wikimedia
“การผลิตแป้งจะเน้นส่วนเนื้อเมล็ด (endosperm) เพราะมีแป้งและโปรตีนที่จะเกิดกลูเตน โดยจะบดจนได้ขนาดตามที่โรงงานต้องการ แป้งที่ได้จะมีสีขาวนวลเนื้อละเอียด เรียกว่า refined flour ส่วนรำและจมูกข้าวจะถูกแยกออกในช่วงแรกๆของการบด แต่จะถูกนำมาผสมกับแป้งขาวเพื่อผลิตแป้ง unrefined flour”
จะเห็นว่าโรงงานผู้ผลิตไม่ได้แค่บดเมล็ดข้าวสาลีให้เป็นแป้งเท่านั้น แต่มีขั้นตอนการควบคุมคุณภาพและพัฒนาสูตรแป้งด้วย
แป้งสาลีมีกี่ชนิด
แป้งสาลีมีหลายชนิดขึ้นอยู่กับใช้เกณฑ์อะไรในการแบ่ง เช่น แบ่งตามส่วนประกอบของเมล็ดข้าวสาลี แบ่งตามปริมาณโปรตีน แบ่งตามปริมาณเถ้า (ash content) หรือแบ่งตามการใช้งาน
แป้งสาลีแบ่งตามส่วนประกอบของเมล็ดข้าวสาลี
เมล็ดข้าวสาลีประกอบไปด้วยเนื้อเมล็ดข้าวสาลี เยื่อหุ้มเมล็ดและจมูกข้าวซึ่งจะถูกแยกออกจากการกันในขั้นตอนการผลิตแต่จะถูกนำมาผสมกันอีกครั้งเพื่อผลิตแป้งชนิดต่างๆดังนี้

แป้งขัดขาว (white flour) หรือ refined flour

แป้งโฮลวีท
แป้งสาลีขัดสี/ไม่ขัดสี (refined/unrefined flour)
การขัดสี ในที่นี้ความหมาย การขัดถู ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนการผลิตแป้งสาลี (Milling process) ซึ่งแบ่งแป้งสาลีเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ
*การผลิตแป้งสาลีเน้นโม่ส่วนเนื้อเมล็ด (endosperm) เพราะเป็นส่วนที่มีเม็ดแป้งและโปรตีนที่จะเกิดกลูเตนซึ่งจำเป็นต่อคุณภาพของขนมอบโดยเฉพาะระดับอุตสาหกรรม ส่วนรำและจมูกข้าวจะถูกขัดสีและแยกออกไป แต่จะนำกลับมาผสมกับแป้งขัดสีเพื่อผลิตแป้งไม่ขัดสี…..ไม่งงใช่ไหมคะ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ refined/unrefined flour แป้งขัดสี/ไม่ขัดสี แป้งขัดขาว/ไม่ขัดขาว คลิกที่นี่
แป้งสาลีแบ่งตามปริมาณโปรตีน
แบ่งเป็น 3 กลุ่มได้แก่
ปริมาณโปรตีนในแป้งเป็นไกด์ไลน์สำหรับเลือกใช้งานแบบกว้างๆ ที่ค่อนข้างมีความสากล แต่ตัวเลข% ของแป้งอาจแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยในแต่ละประเทศ นอกจากปริมาณ คุณภาพและความแข็งแรงของโปรตีนมีผลต่อคุณสมบติของแป้ง เช่น แป้งโปรตีนปานกลางบางยี่ห้อมีโปรตีน 11% แต่อาจมีความแข็งแรงของกลูเตนเทียบเท่าแป้งโปรตีนสูงหรือแป้งขนมปังโปรตีน 12% ซึ่งอาจเป็นผลมาจากพันธุ์ข้าวสาลีและวิธีการผลิตของแต่ละโรงงาน
แป้งสาลีแบ่งตามการใช้งาน
แป้งสาลีแบ่งตามปริมาณเถ้า (Ash content)
ปริมาณเถ้า หรือ Ash content คือสารอนินทรีย์ที่เหลือเมื่อนำแป้งไปเผาด้วยความร้อนสูง
ในแป้งสาลีประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน (ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์) และแร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม สังกะสี ซึ่งเป็นสารประกอบอนินทรีย์และพบมากในส่วนของรำและจมูกข้าว
เมื่อเผาแป้งด้วยความร้อนสูงมาก สารประกอบอินทรีย์เกิดการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์กลายเป็นก๊าซระเหยไปไม่เหลือเถ้า แต่สารอนินทรีย์เผ้าไหม้แล้วได้สารประกอบที่ไม่สามารถระเหยได้เหลือเป็นเถ้า ดังนั้นปริมาณเถ้าจึงเป็นตัวบ่งปริมาณแร่ธาตุหรือ mineral content เนื่องจากแร่ธาตุ (สารอนินทรีย์) เหล่านี้พบได้ในส่วนรำ มันจึงเป็นตัวบ่งว่า มีรำผสมอยู่ในแป้งมากน้อยเพียงใด
ประเทศที่ใช้ระบบนี้แบ่งชนดแป้งได้แก่ ฝรั่งเศสและเยอรมัน โดยใช้ระบบ T system ตัวเลขหลัง T คือปริมาณเถ้า
แป้งฝรั่งเศส T45 หมายถึงแป้ง 100% มีปริมาณเถ้าอยู่ 0.45% (หรือ 450 mg จากแป้ง 100 g) แป้ง T55 จะมีปริมาณเถ้า 0.55%
แป้งเยอรมัน ใช้ระบบเดียวกันกับฝรั่งเศสแต่ตัวเลขต่างกัน คือ T405 คือ หากนำแป้ง 100 g ไปเผาจะเหลือเถ้า 405 mg
ยิ่งตัวเลขสูงแสดงว่าแป้งมีรำผสมอยู่ในปริมาณสูง ในทางกลับกัน หากตัวเลขต่ำ หมายถึงแป้งมีส่วนของเนื้อเมล็ดสูง หรือหมายถึงเป็นแป้งขาวหรือแป้ง refined flour นั่นเอง การมีหรือไม่มีรำผสมมีความสำคัญต่อลักษณะเนื้อขนม กลิ่น รวมทั้งรสชาติ การแบ่งชนิดแป้งด้วยปริมาณเถ้าไม่บ่งบอกปริมาณโปรตีน ดังนั้นควรเช็คปริมาณโปรตีนของแป้งควบคู่ไปด้วยเสมอ
แป้งสาลีแบ่งตามการฟอกหรือไม่ฟอกสี (Bleached & Unbleached flour)
การฟอกสีแป้งอยู่ในขั้นตอนการบ่มแป้ง (Aging process) ซึ่งเป็นขั้นตอนการปรับแต่งแป้งหลังบดเพื่อเพิ่มคุณภาพและคุณสมบัติบางอย่างที่โรงงานผู้ผลิตต้องการ
แป้งที่เพิ่งโม่เสร็จจะมีสีเหลืองอ่อนซึ่งเป็นผลมาจากแคโรทีนอยด์ สารให้สีเหลืองที่พบตามธรรมชาติใเมล็ดข้าวสาลี แต่โปรตีนและเอนไซม์ในแป้งยังไม่เซ็ทตัวดีทำให้ยังทำงานได้ไม่เต็มที่จึงจำเป็นต้องมีขั้นตอนบ่มแป้ง หรือ aging process
แป้งขัดสีหรือ refined flourทุกชนิดที่ผลิตในระดับอุตสหากรรมต้องผ่านขั้นการบ่มแป้งเพื่อความคุมคุณภาพ ซึ่งทำได้ 2 วิธีคือ
Notes
แป้งสาลีเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกัน
จะเห็นว่าว่าแป้งสาลีเหมือนกันสามารถแตกต่างกันได้แค่ไหน แป้งขนมปังที่ผลิตในไทย ญี่ปุ่น อเมริกา ออสเตรเลีย แม้จะมีปริมาณโปรตีนใกล้เคียงกัน แต่อาจมีคุณสมบัติบางอย่างต่างกัน ทำขนมปังแล้วมีกลิ่นหอมและรสชาติต่างกัน
แป้งเค้กที่ผลิตในไทยแต่คนละยี่ห้อ ผู้ผลิตต่างกัน ทำเค้กแล้วได้เนื้อขนมต่างกัน
ความแตกต่างกันเริ่มตั้งแต่สายพันธุ์ที่เลือกใช้และวิธีการผลิตของโรงโม่แป้ง แต่เรา baker สามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม

เครดิตภาพจาก https://pantip.com/topic/31919616
แป้งสำเร็จรูป
แป้งที่มีส่วนผสมอื่นที่เป็นของแห้ง เช่น น้ำตาล ผงฟู เกลือ ผงคัสตาร์ด ผงโกโก้ เป็นต้น ข้อดีคือสะดวกพร้อมใช้ เพียงผสมกับของเหลวตามที่ข้างกล่องระบุ คือดีคือสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องตวงส่วนผสมต่างๆ เช่น แป้งเค้กสำเร็จรูป (cake mix) แป้งแพนเค้กสำเร็จรูป (pancake mix) หรือแป้งซาลาเปาสำเร็จรูปเป็นต้น
Self-rising flour คืออะไร
หากใครชอบอ่านสูตรจากต่างประเทศโดยเฉพาะทางฝั่ง USA จะเห็น self-rising flour ผ่านตา มันคือ แป้งอเนกประสงค์ที่ผสมผงฟูมาให้ในอัตราส่วนคือ แป้ง 1 ถ้วย ผงฟู 2 ช้อนชา แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมนักในบ้านเรา
หลักการเบื้องต้นในการเลือกใช้แป้งสำหรับขนมอบ
จะเห็นว่าแค่ข้อมูลเบื้องต้นก็มีรายละเอียดมากมาย แต่การทำขนมอบให้ออกมาดีและมีคุณภาพเป็นเรื่องของรายละเอียด ยิ่งรู้รายละเอียดมากเท่าไหร่ ยิ่งทำขนมได้ดีมากขึ้น เช่นเดียวกับแป้ง ยิ่งรู้รายละเอียดมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เลือกใช้แป้งได้อย่างเหมาะสมและได้ขนมคุณภาพ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปพลิกแพลงหรือปรับให้ได้ขนมในลักษณะที่ต้องการอีกด้วย
หวังว่าบล็อกนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ
Happy Baking ค่า
References:
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม share ด้านข้างหรือด้านล่างเพื่อ redirect มาที่บล็อกนี้***
Tags:
You must be logged in to post a comment.
No responses yet