Chocolate Caramel Custard Cake
Chocolate Caramel Custard Cake : หอม หวาน อร่อย เข้มข้น
คาราเมลคัสตาร์ดเป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยมทั่วโลกและไม่เคยตกยุค เพราะทำไม่ยาก ส่วนผสมหาง่าย ที่สำคัญอร่อยมาก เป็นขนมหวานที่เรียกได้ว่า simply delicious และเป็นขนมหวานประจำบ้านที่อาจจะไม่ได้ดูหวือหวาแต่กินได้เรื่อยๆไม่มีเบื่อ บล็อกนี้จับคู่คาราเมลคัสตาร์ดกับเค้กช็อกโกแลตเนื้อนุ่มหนึบและรสชาติเข้มข้น ส่วนตัวหนึ่งชอบช็อกโกแลตและคาราเมลอยู่แล้วเพราะทั้งหอมและเข้มข้นได้เนื้อคัสตาร์ดนุ่มเบาหอมๆ มาช่วยตัดรสขม อร่อยลงตัวมากค่ะ สูตรนี้คัสตาร์ดหนาเป็นพิเศษอาใจคนที่ชอบกินชั้นคัสตาร์ดหนาๆ เหมือนหนึ่ง อิอิ
ช็อกโกแลตเค้กสูตรนี้จะพิเศษตรงที่ใช้ทั้งดาร์คช็อกโกแลตและผงโกโก้ทำให้มีเนื้อขนมมีความอยู่ตรงกลางระหว่างเค้กและบราวนีคิอ นุ่มหนึบเบาๆ และฉ่ำ รสชาติละมุนและมีกลิ่นหอมกินกับคัสตาร์ดและคาราเมลแล้วอร่อยค่า ในรูปเสิร์ฟพร้อมส้มโชกุนรสเปรี้ยมอมหวาน เข้ากันมักๆ อร่อย เข้มข้น สดชื่นนนน
มาดูสูตรกันค่า
Chocolate Caramel Custard Cake
สูตรสำหรับพิมพ์เค้กวงกลม 2 ปอนด์
a) คาราเมล
* น้ำตาลทรายขาว 60 กรัม
* น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ: น้ำตาล + น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟปานกลาง ใช้ช้อนคนจนน้ำตาลละลาย รอจนน้ำตาลเป็นสีคาราเมลหรือเหลืองอำพัน (แล้วแต่ความชอบนะคะ ใครชอบสีอ่อน สีเข้มเลือกได้ แต่ถ้าสีเข้มมากๆ คาราเมลจะขม) หนึ่งรอจนสีอำพันเข้มนิดๆ เมื่อคาราเมลสีเข้มเติมน้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะเพื่อละลายคาราเมลแล้วเทลงในพิมพ์ ใช้มือเอียงพิมพ์ให้คาราเมลเคลือบพิมพ์ให้ทั่ว
b) คัสตาร์ด
* นม (full fat) 400 มล
* วิปปิ้งครีมแท้ 150 มล
* น้ำตาลทรายขาว 110 กรัม
* ไข่ทั้งฟอง 3 ฟอง
* ไข่แดง 2 ฟอง
* เกลือ 1 หยิบมือ
(ใช้ไข่เบอร์ 2)
วิธีทำ
1. ไมโครเวฟ (หรือตั้งไฟ) นม + วิปปิ้งครีม จนร้อนจัด
2. น้ำตาล + ไข่ + เกลือ ในอ่างผสม ตีด้วยตะกร้อมือจนน้ำตาลไม่เป็นเม็ดและส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
3. ค่อยๆเทนมลงไปในส่วนผสมไข่ในขณะที่อีกมือยังผสมส่วนผสมอยู่ ผสมให้ส่วนผสมเข้ากัน กรองผ่านกระชอน พักไว้
C) Chocolate Cake
* ดาร์คช็อกโกแลต (64-70%) 62 กรัม
* เนย 40 กรัม
* ไข่ 2 ฟอง แยกไข่แดง ไข่ขาว
* น้ำตาล 60 กรัม
* เกลือ 1 หยิบมือ
* แป้งอเนกประสงค์ 30 กรัม
* โกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1.ละลายเนยในไมโครเวฟแล้วนำมาเทในอ่างช็อกโกแลต คนจนช็อกโกแลตละลายใส่ไข่แดงลงไปครั้งละฟอง ใช้ตะกร้อมือตีส่วนผสมจนเข้ากัน ร่อนแป้ง + ผงโกโก้ + เกลือ ลงไป ผสมจนส่วนผสมเข้ากัน (ส่วนผสมจะเป็นก้อนๆ หน่อยไม่ต้องตกใจ)
2. วอร์มเตา 170 c ไฟล่าง ตีไข่ขาวจนขึ้นฟองหยาบ ทยอยใส่น้ำน้ำลงไปแล้วตีจนเมอแรงก์ตั้งยอดเฟิร์ม
3. แบ่งเมอแรงประมาณ มาผสมกับส่วนผสมข้อ 1 สามครั้ง ครั้งแรกจะผสมกันยากหน่อย ใช้ตะกร้อมือผสมแรงๆให้เข้ากัน ครั้งที่สองและสาม ตะล่อมเบามือจนส่วนผสมเข้ากัน
เทส่วนผสมลงพิมพ์ โดนเทคัสตาร์ดก่อน เวลาเทค่อยๆเท จะได้ไม่มีฟองอากาศในคัสตาร์ด กระแทกพิมพ์เบาๆเพื่อไล่ฟองอากาศแล้วตามด้วยส่วนผสมเค้กจะหนืดๆพยายามเทให้ทั่วพิมพ์แล้วใช้ spatula เกลี่ยให้เนื้อเค้กเท่ากัน นำเข้าเตาอบที่วอร์มแล้ว อบแบบ รองน้ำ หนึ่งอบที่ 170 C 1 ชม 20 นาที เช็คสุกด้วยการใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มเค้กแล้วแห้งดี นำขนมออกจากเตา พักจนเย็นแล้วนำขนมออกจากพิมพ์
Tips
1. สามารถทำคาราเมลในพิมพ์ที่จะอบขนมได้เลย ไม่ต้องต้มในหม้อแยก แต่หนึ่งถนัดต้มในหม้อแยกมากกว่า
2. ไม่จำเป็นต้องเคลือบคาราเมลให้ทั่วพิมพ์ที่เตรียมก็ได้ แต่ถ้าคาราเมลเคลือบทั่วพิมพ์สีของหน้าขนมจะสม่ำเสมอดูสวยงามกว่า ถ้าคาราเมลเซ็ทตัวแห้งก่อนที่จะเคลือบพิมพ์โดยทั่ว นำพิมพ์ไปอังไฟอ่อนๆ แล้วเอียงให้คาราเมลเคลือบให้ทั่ว (ดูในคลิป)
3. ฟองอากาศค้างในคาราเมลที่เซ็ทตัวแล้วถ้าฟองใหญ่อาจจะทำให้หน้าขนมมีรอยฟองอากาศ แก้ไขรีบใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มรีบจิ้มตอนที่คารเมลยังไม่เซ็ทตัวหรือใช้ทอร์ช (blow torch) พ่นจนฟองอากาศหายไป แต่ถ้าฟองเล็กๆไม่เป็นไร
4. ก่อนอบสามารถสลับชั้นคัสตาร์ดและชั้นเค้กได้ พออบเสร็จขนมจะเรียงตัวเหมือนกันคือ คาราเมล คัสตาร์ด และชั้นเค้ก (จากล่างขึ้นบนเมื่อยังไม่กลับเค้ก) อเมซซิ่งใช่ไหมคะ ^_^ เหตุผลเพราะส่วนผสมเค้กมีฟองอากาศอยู่มากทำให้ลอยตัวบนส่วนผสมคัสตาร์ดซึ่งเป็นของเหลวและมีน้ำมากกว่า ดังนั้นไม่ว่าจะเทเค้กก่อนแล้วเทคัสตารด์ตาม หรือเทคัสตาร์ดก่อนเทเค้ก เมื่ออบเสร็จ เค้กจะลอยเหนือคัสตาร์ดเสมอ
5.ในการอบแบบรองน้ำ การรองผ้าอีกชั้นก่อนวางถาดอบขนมจะช่วยกระจายความร้อนให้สม่ำเสมอทำให้หน้าขนมเนียนเรียบ ไม่มีรอยบุ๋มจากการที่บางจุดร้อนกว่าจุดอื่น
6. เมื่ออบขนมจนสุก เช็กเค้กสุกด้วยการจิ้มไม้จิ้มฟัน พอถึงขึ้นแล้วแห้งดี ลองกดชั้นเค้กเบาๆแล้วไม่มีน้ำกระเพื่อม หมายความว่าคัสตารด์สุกแล้ว นำเค้กออกจากเตาแล้วพักไว้ จนเย็น การใช้มีดแซะจะช่วยให้เอาขนมออกจากพิมพ์ง่ายกว่าโดยที่ชั้นคัสตาร์ดไม่เละหรือฉีก แต่ควรแซะให้ชิดขอบพิมพ์จริงๆ ไม่งั้นขอบคัสตาร์ดอาจะแหว่งได้นะคะ
7. พักขนมจนเย็นหรือแช่เย็นก่อนตัดสัก 2 ชัวโมงเพื่อให้ชั้นคัสตาร์ดเซ็ทตัวจะได้ชิ้นขนมที่สวยงามกว่าตัดตอนร้อนๆหรือถ้าจะให้อร่อยแช่ขนมในพิมพ์ค้างคืนเพื่อให้คาราเมลซึมเข้าไปในคัสตาร์ด ทำให้ได้รสชาติอร่อยมากขึ้น
8. น้ำคาราเมลที่ไหลออกมาจากขนมตอนคว่ำหน้าจะปล่อยให้ซึมเข้าเนื้อขนมเค้ก (ขนมจะได้ฉ่ำๆ)หรือใครไม่ชอบจะตักออกบ้างก็ได้ค่ะ
9. ENJOY!
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม share ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***