Share

Double Fromage Cake: Japanese Style Dobule Cheesecake

Last updated: 8 Jul 2025
4485 Views

Double Fromage Cake: Japanese Style Cheesecake 

 ยังจำขนมตัวนี้กันได้ไหมคะ เมื่อ 10 ปีที่แล้วดังมาก ไวรัลมากในเมืองไทย เป็นชีสเค้กที่โด่งดังมาจากร้านดังในญี่ปุ่น ชื่อร้าน LaTao เมืองโอตารุ (Otaru) ฮกไกโด ดังขนาดอบกันทั่วบ้านทั่วเมือง(เรา)ในตอนนั้น และมีการนำเข้าขนมตัวนี้จากญี่ปุ่นเลยด้วย ช่วงนั้นหนึ่งได้ไปชิมร้านต้นฉบับ เป็นทริปกินแหลกชนิดที่แทบจะกลิ้งกลับเมืองไทย เพราะนอกจากจะขนมอร่อย อาหารก็อร่อยด้วย พอได้กินคือมันอร่อยมาก วันนั้นนั่งรถไฟจากซัปโปโรไปถึงเมืองโอตารุแต่เช้า สิ่งแรกที่เทำคือ ซื้อเค้กนี้เพราะมีขายที่สถานีรถไฟ วันนั้นต้องเช่ารถขับไปเที่ยวนอกเมือง อารมณ์อยากชิมมากเลยรีบซื้อแบบฟรีซไปเลยค่ะ ไปรับรถเสร็จก็ขับออกนอกเมืองไปเลย ได้ชิมขนมในรถ ได้บรรยากาศ road trip สุดๆ หน้าตาของ Double Fromage Cake ของต้นฉบับใส่ในกล่องไม้ไผ่ หน้าตาขนมดูปุกปุยแค่เห็นก็รู้สึกนุ่มแล้ว
 

 
ใช้ช้อนตักกินในรถเลย ขนมยังแข็งๆอยู่แต่รสเบา นุ่ม ละมุนมากๆ พอแตะลิ้นแล้วละลายในปากคล้ายไอศครีม อร่อยจริงๆค่ะ ตอนนั้นกลับเมืองไทยหนึ่งพยายามหาสูตรหนักมาก แต่หายังไงก็หาไม่เจอ ไม่รู้เพราะใช้ keyword ในการหาผิดหรือเปล่า ผ่านไปสองปี คุณยา ผู้น่ารักเอาสูตรขนมมาฝาก หนึ่งดีใจมากๆ ต้องขอบคุณคุณยาที่มีขนมอร่อยมาแบ่งปันเสมอ รีบเข้าไปดูสูตรและหาสูตรเพิ่มเติมในกูเกิ้ล ไปเจอสูตรใน youtube ซึ่ง LeTao รีวิวเองพร้อมวิธีทำ (กรี้ดดดดด) สูตรเดียวกันกับที่คุณยาเอามาลงเลย จะรอช้าทำไม ลงมือทำสิคะ 

นี่คือฝีมือหนึ่ง พอไหวเนอะ ^_^
 

 

 
ก่อนลงมือทำมารู้จักขนมอย่างคร่าวๆ ก่อน fromage เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ชีส
Double Fromage Cake คือ double cheesecake นั่นเอง ตัวขนมมีกี่ชั้น แต่ละชั้นทำจากอะไรบ้างมาดูกันค่ะ
 



 
ขนมประกอบไปด้วย 4 ชั้น คือ

1. ฐานเป็น sponge cake
2. ชั้นที่สองคือชีสเค้กแบบอบ (baked cheesecake)
3. ชั้นที่สามคือชีสเค้กแบบไม่อบ(no-bake cheesecake) หรือจะเรียกว่า mascarpone mousse cheese cake ก็ได้
4. ชั้นนอกสุดและบนสุดคือ crumbles ซึ่งทำจาก sponge cake ข้อ 1 นั่นเอง

ที่มาของ double cheesecake คือมีชั้นเค้ก 2 ชั้นทั้งแบบอบและไม่อบนั่นเอง เป็นขนมที่ดูเหมือนจะเยอะสิ่งเนอะ แต่ด้วยความที่แต่ละชั้นมีลักษณะเฉพาะพอมาอยู่ด้วยกัน กินด้วยกันในคำเดียวแล้วให้ความรู้สึกพิเศษและอร่อยมาก เห็นหลายขั้นตอนแบบนี้อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ เพราะแต่ละขั้นตอนทำง่ายมาก แต่เป็นขนมที่ใช้เวลานานเพราะต้องรอให้ขนมเซ็ทตัว มาดูสูตรกันก่อนดีกว่า หนึ่งทำตามสูตรและวิธีทำของ LeTao เลย เปลี่ยนแค่อุณหภูมิในการอบและลดน้ำตาลในเค้กลงนิดหน่อย คลิปสูตรของ LeTao ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว แต่สูตรที่คุณยาลงไว้สามารถคลิ้กเข้าไปดูได้ ที่นี่ สูตรที่หนึ่งทำต่างจากสูตรที่คุณยาลงเล็กน้อย เพราะคุณยาใช้ฐานขนมอีกสูตรและขนมใช้พิมพ์ขนาดใหญ่กว่า 

**ขนมที่ออกมารสชาติเหมือนของต้นฉบับไหม หนึ่งมีคอมเมนท์อะไรเพิ่มเติม อ่านได้ที่ตอนท้ายของบล็อกนี้ค่ะ**

Double Fromage Cake

สำหรับพิมพ์ 6 นิ้วหรือ 1 ปอนด์
สูตรจาก LeTao 

(1) Sponge cake

ไข่ทั้งฟอง 2 ฟอง (หนึ่งใช้ไข่เบอร์ 0)
น้ำตาล 70 กรัม
แป้งเค้ก 60 กรัม

วิธีทำ

1. วอร์มเตา 175 C กรุกระดาษรองอบที่ก้นและด้านข้างของพิมพ์ ในรูปหนึ่งกรุพิมพ์ 1 ปอนด์แบบถอดก้นได้อีกอันเตรียมไว้เลย
 

 

2. ไข่ + น้ำตาล ในอ่างผสม ตีส่วนผสมบนอ่างน้ำอุ่นประมาณ 50-60 C ด้วยเครื่องตีไฟฟ้าสปีดปานกลาง หรือตีบนหม้อต้มน้ำอุ่นๆ (bain marie) จนสีซีดและฟู เมื่อยกตะกร้อขึ้นแล้วเห็นรอยชัดๆ (ribbon stage) ยกออกจากอ่างน้ำอุ่น


 

 
ยกตระกร้อขึ้นแล้วเห็นรอยส่วนผสมชัดแบบนี้แสดงว่าใช้ได้แล้ว


 

 

3. ร่อนแป้งลงในส่วนผสมของไข่ โฟลด์จนส่วนผสมเข้ากัน เทลงพิมพ์ กระแทกไล่ฟองอากาศ 2-3 ครั้ง อบประมาณ 20-25 นาทีหรือจนเค้กสุก


 

 
4. นำเค้กที่สุกออกจากเตา คว่ำบนตะแกรง ลอกกระดาษรองอบออก พักจนเย็นแล้วใช้มีดตัดเค้กความสูง 1 cm นำไปวางในพิมพ์แบบถอดก้นอีกอันที่เตรียมไว้ เค้กส่วนที่เหลือเก็บไว้ทำครัมเบิ้ลเพื่อโรยเค้ก
 

 

 



 
(2) Baked cheesecake

ครีมชีส 140 กรัม วางไว้ที่อุณหภูมิห้องจนนิ่ม
น้ำตาลทรายขาวสำหรับเบเกอรี 50 กรัม
แป้งเค้ก 4 กรัม
วิปปิ้งครีม 30 กรัม (หนึ่งใช้ diary whipping cream)
ไข่ 1 ฟอง (ไข่เบอร์ 0)

วิธีทำ
1. วอร์มเตา 150 C
2. ตีครีมชีสให้แตกตัวด้วยตะกร้อมือหรือ hand mixer ก็ได้ ตามด้วยส่วนผสมทั้งหมด ตีจนเข้ากันดี นำไปกรอง 1 ครั้ง เทส่วนผสมครีมชีสลงในพิมพ์เค้กที่มีสปันจ์เค้กรองอยู่ ส่งเข้าเตาอบ อบประมาณ 15-20 นาที (ไม่ต้องรองน้ำนะคะ)
 

 
3. นำเค้กออกมาพักจนเย็น แช่ตู้เย็นต่ออีกอย่างน้อย 3 ชั่วโมงในพิมพ์เพื่อให้เค้กเซ็ทตัว

ไม่ได้อบแบบรองน้ำแต่ขนมก็ไม่แตกนะคะ หนึ่งรอให้ขนมเย็นก่อนแล้วแช่ตู้เย็นทั้งคืน วันรุ่งขึ้นไปทำสองขั้นตอนสุดท้ายกัน

 



(3)Mascarpone cheese mousse

Mascarpone cheese 60 กรัม
น้ำตาลทรายขาวสำหรับเบเกอรี 30 กรัม
ไข่แดง 1 ฟอง (20 กรัม)
เจลาตินผง 3 กรัม
น้ำ 25 มล + 18 มล
วิปปิ้งครีม 140 กรัม

วิธีทำ
1. บลูมเจลาตินในน้ำ 18 มล พักไว้ประมาณ 5-10 นาที
2. ไข่แดง+น้ำ 25 มล + น้ำตาล ในอ่างผสม ตีด้วยตะกร้อมือบนอ่างน้ำอุ่น จนส่วนผสมฟู เนียน ตามด้วยเจลาตินและมาสโคโปนชีส โดยผสมส่วนผสมให้เข้ากันก่อนใส่ส่วนผสมถัดไป ยกออกจากอ่างน้ำอุ่น พักไว้
 

 
3. ตีวิปปิ้งครีมจนตั้งยอดอ่อน นำไปผสมกับส่วนผสมของชีส โฟลด์จนส่วนผสมเข้ากัน แบ่งส่วนผสมออกมาประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะเพื่อนำไปใช้ตกแต่ง นำส่วนผสมที่เหลือไปเทราดทับชีสเค้ก แช่ตู้เย็นต่อ 1 คืน (รวมทั้งส่วนที่เราตัดแบ่งออกไปด้วย)
 

 
การตกแต่งด้วยครัมเบิ้ล

1. crumble สำหรับตกแต่ง
2. mascarpone mousse cheese 3-4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. เตรียมครัมเบิ้ลจากสปันจ์เค้กที่เหลือ โดยตัดแบ่งเค้กสูงประมาณ 1 cm มาถูกับตะแกรงร่อน จะได้ครัมเบิ้ลเล็กๆ ดูฟูๆ ใครอยากใช้วิธีปั่นเอาก็ได้ค่ะ เร็วดี
 

 

 

2. นำชีสเค้กออกจากตู้เย็น และเอาออกจากพิมพ์ ปาดชีสมู้สบางๆรอบๆเค้กรวมทั้งด้านบนด้วย โรยด้วยครัมเบิ้ลให้ทั่ว

พอแกะพิมพ์ออกขนมจะบูดๆเบี้ยวๆ ไม่ต้องตกใจนะคะ เดี๋ยวปาดชีสมู้สอีกรอบ โปรดสังเกตว่าชั้นชีสเค้กแบบอบหนึ่งมีรอยไหม้นิดๆเพราะอบไฟแรงนั่นเอง แฮ่
 

 

 

จะแช่ตู้เย็นต่อ หรือตัดเสิร์ฟเลยก็ได้ค่ะ หนึ่งแช่ต่ออีก 1 ชั่วโมง พร้อมเสิร์ฟ สามารถกินแบบแช่เย็นธรรมดาหรือกินแบบฟรีซก็ได้ค่ะ

 




หม่ำๆกัน ใครชอบชีสเค้กต้องชอบแน่นนอนค่ะ อร่อยๆ



 

My comments 

ถ้าถามว่ารสชาติเหมือนต้นฉบับไหม ไม่เหมือนเป๊ะแต่ใกล้เคียง สูตรนี้ได้ขนมที่ rich กว่า creamy กว่า ของต้นฉบับจะเบากว่านี้ ซึ่งหนึ่งคิดว่าเป็นผลมาจากวัตถุดิบที่ต่างกัน แต่ถามว่าอร่อยไหม อร่อย ไม่หวานมากด้วย สำหรับใครที่เคยได้ชิมต้นฉบับมาแล้วอยากทำให้ใกล้เคียง หนึ่งมีข้อแนะนำคือ

1. ใช้ครีมชีสของ Anchor หรือ Elle & Vire เพราะจะได้ชีสที่ไม่หนักและรสชาติละมุนกว่า Philadelphia (หนึ่งใช้ Philadelphia) หากอยากลองใช้ครีมชีสยี่ห้ออื่นๆ หนึ่งรีวิวเป็นคลิปไว้ ที่ ที่นี่ และตอนที่ 2 ที่นี่ ครีมชีสหลายยี่ห้อมาก เกือบ 20 ยี่ห้อ เผื่อเป็นไอเดียในการเลือกใช้ค่ะ 

2. half-and-half cream* แทนวิปปิ้งครีม เพราะวิปปิ้งครีมมีไขมันมากกว่า (แต่บ้านเราอาจจะหาซื้อยากนิดนึง)

3. ตัว sponge cake ในสูตรเป็นแบบดั้งเดิมที่มีไขมันน้อย ดังนั้นขนมจะนุ่มแต่แห้งกว่า sponge cake ที่เราคุ้นเคย แต่จะมีข้อดีในการทำครัมเบิ้ลคือฟูๆ ใครที่อยากกินเค้กเนื้อนุ่มๆ จะเปลี่ยนเป็นสูตรที่ชอบก็ได้ค่ะ

4. เค้กต้นฉบับ ฐานที่เป็น sponge cake บางมากๆ ในสูตรให้ตัด 1 cm หนึ่งว่าตัดให้บางกว่านี้อีกได้นะคะ ถ้าชอบให้ชั้นนี้บางๆ

5. ถ้าใครชอบชั้นเค้กที่หนาขึ้น หนึ่งแนะนำให้ใช้สูตรเค้กสูตรอื่น และอบด้วยวิธีรองน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลาอบนานขึ้น ลองดูสูตรที่คุณยาลงไว้ในลิงค์ที่หนึ่งแปะไว้ด้านบนนะคะ เหตุผลเพราะ sponge cake แบบที่หนึ่งทำมีไขมันน้อยคือจากไข่แดงเท่านั้น เนื้อเค้กจะค่อนข้างแห้ง ถ้าอบถึงสองครั้ง ขนมจะแห้งลงไปอีก

6. การอบชีสเค้กแบบในสูตรอบแบบไม่รองน้ำ ขนมหน้าแตกไหม คำตอบคือ ไม่แตกค่ะ หนึ่งอบไฟสูงถึง 175 C ออกมาปลอดภัยดี ^_^

 
เป็นสูตรขนมที่อร่อยและทำได้เองที่บ้านอีกสูตร ใครเป็นแฟนชีสเค้กต้องลองทำดูเลยค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

 
***สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพหรือข้อความใดๆไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากคุณคิดว่าเนื้อหามีประโยชน์กรุณากดปุ่ม share ท้ายบล็อกหรือ redirect link มาที่เพจนี้***


20240413_143303.jpg
Neung (Malee's mom)
A radiologist & a passionate and obscessive homebaker.
Related Content
Ogular light cheesecake
ชีสเค้กที่ไม่เหมือนชีสเค้ก เนื้อนุ่ม เบา ละลายในปาก หากเป็นแฟนคลับ Japanese Souffle Cheesecake ต้องไม่พลาดขนมตัวนี้เพราะนุ่มเบากว่า
Fudgy brownie
บราวนีเนื้อหนึบหน้าฟิล์มสูตรนี้ที่หลายคนหลงรักและตามหา เนื้อหนึบกำลังดี กัดแล้วละลายในปาก รสชาติเข้มข้น ไม่หวานโดด ทำง่ายและ อร่อยมาก
Classic chocolate cake
ช็อกโกแลตสูตรโปรดของหลายคน เนื้อเค้กหอม หวาน รสช็อกโกแลตเข้มข้น ตกแต่งด้วยช็อกโกแลตกานาชไม่ผสมน้ำตาล ช่วยบาลานซ์และส่งรสชาติให้อร่อยขึ้น
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy and Cookies Policy
Compare product
0/4
Remove all
Compare